ระบบ Access Control มีอะไรบ้าง?

1.  ชุดล๊อคประตู
ในระบบ access control นั้นเป็นการกำหนดสิทธิ์ให้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นจึงจะมิสิทธิ์ผ่านเข้าไปได้ ดังนั้นในสถานะปกติของประตูจึงต้องอยู่ในสถานะประตูถูกล๊อค ซึ่งในการล๊อคนั้นมีสิ่งที่ต้องพิจารณาหลายอย่าง

1.1 ลักษณะของประตูเป็นแบบไหน หากเป็นลักษณะประตูไม้ ประตูกรอบอลูมิเนียม หรือประตู PVC ทั่วไปก็สามารถใช้ชุดยึดแม่เหล็กหรือถ้าประตูเป็นกระจกบานเปลือยก็จะต้องใช้ตัวยึดแบบคลอบกระจกเพื่อยึดแม่เหล็กกับประตูและวงกบ

1.2 อุปกรณ์ล๊อค ก็มีหลายแบบว่าจะใช้ล๊อคแม่เหล็กหรือใช้กลอนไฟฟ้า โดยล๊อคแม่เหล็กก็จะใช้หลักการสร้างสนามแม่เหล็กเพื่อดูดกันในการล๊อคส่วนกลอนไฟฟ้าก็จะมีเดือยล๊อคเมื่อมีสัญญาณไฟฟ้า คล้าย ๆ กับการล๊อคประตูทั่วไป

1.3 จำนวนตัวล๊อค
ในกรณีประตูบานเดี่ยว แน่นอนว่าต้องใช้ตัวล๊อคแค่ชุดเดียว แต่ในกรณีบานคู่ก็ควรใช้ตัวล๊อค 2 ชุดเพื่อความแข็งแรง

2. เครื่องสแกน
โดยทั่วไปเครื่องสแกนที่มีในท้องตลาดจะมีปุ่มกดตัวเลขมาให้ นั่นคือมีฟังก์ชั่นของการป้อนรหัสมาให้เป็นพื้นฐาน โดยสามารถกดรหัสเพื่อสั่งปลดล๊อคประตูได้ แต่โดยทั่วไปการกดรหัสเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะหากมีใครแอบดูหรือแอบจำรหัสของเราก็จะสามารถเปิดประตูได้ ดังนั้นอาจจะต้องมีอุปกรณ์อื่นเพื่อเพิ่มระดับของความปลอดภัย นั่นคือ

2.1 เครื่องทาบบัตร
สามารถใช้การกดรหัสเพียงอย่างเดียวหรืออาจะใช้คู่กับการทาบบัตรในการปลดล๊อคเพื่อเปิดประตูได้ โดยเครื่องทาบบัตรก็มี 2 แบบ คือแบบที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ หรือเรียกว่าแบบ stand aloneซึ่งจะมีหน้าที่เพียงปลดล๊อคแม่เหล็กเพื่อเปิดประตูเท่านั้น แต่ไม่สามารถบันทึกข้อมูลการเข้ามาของพนักงานได้ ส่วนเครื่องที่สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้นั้นก็จะสามารถบันทึกข้อมูลการสแกนของพนักงานได้

2.2 เครื่องทาบบัตร + เครื่องสแกนลายนิ้วมือ
ในบางครั้งบัตรของเราอาจถูกหยิบยืมไปใช้หรือตกไปอยู่ในมือของคนอื่น เค้าก็จะเปิดประตูได้อีกเช่นกัน ดังนั้นสแกนนิ้วมือจึงเพิ่มเข้ามาเพื่อแก้ปัญหานี้ คือตัวเครื่องจะมีโหมดในการกำหนดการปลดล๊อคแม่เหล็กได้ถึง 7 รูปแบบ(กำหนดได้ที่ตัวเครื่องแสกน) นั่นคือ
• ใช้รหัสอย่างเดียว
• ใช้ทาบบัตรอย่างเดียว
ฺ• ใช้สแกนนิ้วมืออย่างเดียว
• ใช้รหัสและทาบบัตร ร่วมกัน
• ใช้รหัสและสแกนนิ้วมือ ร่วมกัน
• ใช้ทาบบัตรและสแกนนิ้วมือ ร่วมกัน
• ใช้ทั้งการกดรหัสร่วมกับทาบบัตรและสแกนนิ้วมือ

3. การใช้ Flash Drive เพื่อบันทึกข้อมูล
การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ในลักษณะ Offline คือสามารถดาวโหลด Log file ที่บันทึกการ เข้า-ออก ของพนักงานลงบน Flash drive แล้วนำ Log file นั้นมาลงคอมพิวเตอร์เพื่อบันทึกเวลาการ เข้า-ออก ของพนักงานได้

4. การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ในลักษณะ Online
คือเพื่อมีการเข้าออกของพนักงานก็จะสามารถแสดงการเข้าออก ณ เวลาปัจจุบันที่เวลาจริง (Real time)

5. โปรแกรม
ในการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์จะต้องอาศัยโปรแกรมเพื่อทำการกำหนดค่าต่าง ๆ และบันทึกข้อมูลการ เข้า-ออก ของพนักงาน โดยโปรแกรมจะสามารถบันทึกเวลาการ เข้า- ออก กำหนดการทำงาน กำหนดช่วงเวลาโอที แสดงรายงานของพนักงาน เป็นต้น

6. สวิตซ์กดออก
ในการเข้าประตู เมื่อเข้ามาด้วยเครื่องแสกนก็จะมีการบันทึกข้อมูลการเข้ามา ส่วนในการออกไปก็สามารถออกไปได้ 2 รูปแบบคือ

6.1 ออกไปด้วยการกดปุ่มออก
นั่นคือการกดสวิตซ์เพื่อปลดล๊อคแม่เหล็กแล้วออกไป การออกไปในลักษณะนี้นั้นจะไม่มีการบันทึกข้อมูลในการออก โดยสวิตซ์ที่กดก็มีหลากกลายรูปแบบ เช่นสวิตซ์กดสัมผัส แต่ในบางสถานที่ที่ไม่ต้องการให้มีการสัมผัสเพราะห่วงเรื่องความสะอาดเช่นโรงงานอาหาร โรงงานยา หรือโรงพยาบาล อาจใช้สวิตซ์ที่ไม่มีการสัมผัสที่เรียกว่า no touch switch หรืออาจจะใช้ remote ในการเปิดก็ได้

6.2 ออกไปด้วยการทาบบัตรกับ Reader
วิธีนี้จะสามารถบันทึกเวลาในการออกได้ผ่านตัวอ่านบัตรที่เรียกว่า reader ซึ่งจะมีแบบต่าง ๆ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องทาบบัตรอีกเครื่องในการบันทึกเวลาเข้าออก ซื้อเพียงเฉพาะ reader เท่านั้น ซึ่ง reader จะเชื่อมต่อกับเครื่องสแกนด้านหน้าและบันทึกข้อมูลการออกไว้ในเครื่องสแกน

7. ชุดแปลงไฟและแบตเตอรี่
โดยปกติเครื่องทาบบัตรจะใช้กระแสไฟตรง 12 โวลท์ แต่ไฟในบ้านเป็นไฟสลับ 220 โวลท์ ดังนั้นจึงต้องมี อุปกรณ์อีกตัวหนึ่งที่เป็นตู้ควบคุมโดยในตู้ควบคุมจะประกอบด้วย

7.1 ชุดแปลงไฟ
จะแปลงไฟบ้านให้ได้ระดับไฟที่เหมาะกับเครื่องสแกน

7.2 แบตเตอรี่
จะช่วยจ่ายไฟให้ระบบ กรณีที่ไฟดับ เพื่อให้ล๊อคแม่เหล็กยังสามารถทำงานและเครื่องสแกนจะยังสามารถเก็บข้อมูลอยู่ได้แม้ไฟจะดับก็ตาม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น